12 มิ.ย. 2551

15 ข้อคิดดีๆ รักษาจิตใจ




คนเราทุกวันนี้แม้อยู่กันเต็มบ้าน แต่บางบ้านดูจะห่างไกลการพูดคุย และสัมพันธภาพกันเสียเหลือเกิน ดังนั้นเราจึงมีเนื้อความดีๆ ที่เพื่อนๆ ส่งมาให้ทางอีเมล์มาแนะนำการรักษาจิตใจ ให้มีสุขภาพดู ไม่เป็นจิตใจที่อ่อนแอ หรืออคติ คิดเจ้าแค้น พยาบาทให้บั่นทอนความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ซึ่งเป็นข้อเขียนของนงนุช มีสวน นั่นคือ

1. คนเรามีความรู้สึกรัก ชอบ โกรธ เศร้า ไม่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเวลาไหนมันจะแสดงออกมามากน้อยเพียงใดเท่านั้น " คนที่จะหัวเราะได้เสียงดัง ข้างในคงต้องขำบ้างพอสมควร คนที่น้ำตาจะไหลได้ ข้างในคงมีเรื่องปวดร้าว....ถ้าไม่นับการร้องไห้ที่มาจากความปิติ "


2. โลกสอนมนุษย์ว่าทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง...แต่โลกก็กลับสอนให้มนุษย์ผูกพัน


3. คนที่ตลกหัวเราะสดใส ก็คือคนเดียวกับคนที่สามารถร้องไห้ฟูมฟายได้ เพียงแต่คุณจะได้เห็นหรือเปล่าเท่านั้น อาจจะเคยได้ยินว่า " คนที่หัวเราะได้ดังที่สุด ก็คือคนที่สามารถร้องไห้ได้ดังที่สุดเช่นกัน"


4. เด็กๆ จะมองว่าผู้ใหญ่ซีเรียส ในขณะที่ผู้ใหญ่จะบอกว่า เด็กไร้สาระ เพราะเด็กไม่เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อน วันหนึ่งเค้าคงจะรู้ว่า ทำไมถึงต้องมีเรื่องซีเรียส สำหรับผู้ใหญ่ซึ่งได้ผ่านวัยเด็กมาแล้วอาจจะลืมไปว่า ณ วันที่ผ่านมา" สาระ"ในชีวิตของเ-า คืออะไร


5. ครอบครัวไทยมักจะเลี้ยงลูกผู้หญิงให้เป็นฝ่ายถูกเลือก คอยสั่งสอนให้ทำตัวเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครเลือกไปเป็นคู่ครอง.... แต่ความจริงแล้วผู้ชายและผู้หญิง เราต่างเลือกซึ่งกันและกันมากกว่า


6. เพื่อนที่ดีที่สุด คือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไรกันซักคำ แต่สามารถเดินจากไป ด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด


7. ใครหลายคนไม่กล้าเข้าไปปลอบโยนให้คำปรึกษากับเพื่อนเพราะคิดว่าเราไม่รู้จะบอกเคายังไง เพราะเราเป็นแค่เพื่อน....แต่ความจริงแล้วคุณเป็นตั้งเพื่อนต่างหาก


8. ผู้ชายที่ร้องไห้ และยอมรับว่าตัวเองร้องไห้เขาคือสุภาพบุรุษที่สุด อย่างน้อยการซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง... คือความกล้าหาญสุดยอด


9. ก่อนที่วันนี้ คุณจะทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ อย่าลืมสำรวจตัวเองก่อนว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา... ทำใครหล่นหายไปจากชีวิตหรือเปล่า


10. เงินไม่ใช่พระเจ้า แต่ทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้น


11. มีสติ สตางค์อยู่ ก็ปลีกเวลาไปใช้เสียบ้าง อีกหน่อยไม่มีสติแต่มีสตางค์...ก็สายไปเสียแล้ว


12. เวลาที่เรารักใคร เราจะรู้สึกตัวเล็กเ หลือเกิน...เวลาใครรักเรา เราจะรู้สึกตัวใหญ่เหลือเกิน...แต่ถ้าเราเจอคนที่เรารักเขาและเขาก็รักเรา เราจะผลัดกันตัวเล็กตัวใหญ่


13. วันที่คุณเข้มแข็งและแข็งแรงพอ อย่าลืมเป็นผู้ฟังที่ดีให้กับคนที่มีปัญหาด้วย "เอาไหล่ให้เขาพิง เอามือให้เขาจับ".....100 คำพูดดี ดี ไม่เท่ากับ 1 สัมผัสที่มีค่าหรอกนะ


14. คุณรู้ไหมว่า อายุคนเราเฉลี่ย 76 ปีนั่นคือแค่ 3,952 อาทิตย์เท่านั้นคุณหมดเวลาไปกับการนอนถึง 1317 อาทิตย์ ซึ่งเท่ากับว่าคุณเหลือเวลาที่ใช้ดำเนินชีวิตแค่ 2,635 อาทิตย์เท่านั้นเอง


15. ลองฉลองวันเกิดกับครอบครัวสักปี แล้วคุณจะได้รู้ว่า เมื่อตอนที่คุณร้องไห้จ้าในวันเกิดวันแรก คนในครอบครัวคุณมีความสุขกันขนาดไหน.......

7 พ.ค. 2551

ข้อคิด...เรื่องหน้า

หน้า นอก บอกความสามารถ

หน้าใน บอกความดี

หน้าที่ บอกความสามารถ

หน้า นอกแต่งให้พอดี

หน้า ในและหน้าที่แต่งให้มากๆ

.......................................................................

14 ที่สุดในชีวิตเรา

1. ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ตัวเราเอง

2. ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอวดดี

3. การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกลวง

4. สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอิจฉาริษยา

5. ความผิดพลาดมหันต์ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การยอมแพ้ตัวเอง

6. สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกตัวเอง

7. สิ่งที่น่าสังเวชที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความถดถอยของตัวเอง

8. สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอุตสาหะ วิริยะ

9. ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเรา ก็คือความสิ้นหวัง

10. ทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ สุขภาพที่สมบูรณ์

11. หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ หนี้บุญคุณ

12. ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้อภัยและความเมตตากรุณา

13. ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การมองโลกในแง่ร้ายและไร้เหตุผล

14. สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้ทาน

คนเก่งคนดี

ปาเจรา จริยา โหนติ คุณุตรานุสาสกา

ด้วยความรักและห่วง ห่วงใยดังลูกแท้ๆ

เฝ้าอบรมดูแล ด้วยใจ

ไม่ได้หวังเงินทอง ไม่ต้องการสิ่งไหน

ก้อหวังเพียงให้เจ้าได้มีความรู้

จะเป็นเหมือนสะพาน ให้เจ้าข้ามสู้จุดหมาย

นี่คือความตั้งใจของครู โลกใบนี้กว้างใหญ่

มากมายที่เจ้าต้องรู้ เจ้าจงเรียนรู้เพื่อวันต่อไป

* จงตั้งใจให้เป็นคนเก่งคนดี เจ้าไป ได้ดีโชคดี ครูก้อสุขใจ

แต่อย่าเอาความรู้ไปคดโกงใคร

จงใช้ชีวิตบนความดีงาม

คอยจ้ำจี้จำไช ให้เจ้านั้นอ่านนั้นเขียน

ผิดก็คอยเฝ้าเตือนเรื่อยมา

เจ้าคงคิดคงบ่น ว่าอะไรนักหนา

เด็กน้อยวันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจ

( * ) แต่อย่าเอาความรู้ไปคดโกงใคร

จงใช้ชีวิตบนความดีงาม

2 เม.ย. 2551

นิทานอีสป



นิทานอีสปเคยกล่าวเอาไว้ว่า...

จงพอใจในวาสนาของท่าน เรามิอาจเป็นเลิศในทุกสิ่งได้ คนไม่พอใจในตัวเองจะเป็นทุกข์ตลอดไป...

.....นานมาแล้วมีกบตัวหนึ่งอาศัยใกล้กุฎิพระ

ตอนเช้าเห็นพระบิณฑบาตได้อาหารมาอย่างสบายทุกวัน เจ้ากบก็ปรารถนาอยากเป็นพระกับเขาบ้าง คงจะดีนะ ต่อมาเมื่อพระฉันเสร็จก็เอาข้าวสุกโปรยให้ไก่กิน เจ้ากบก็คิด เป็นไก่ดีกว่าไม่ต้องออกแรงเลย ไม่อยากเป็นพระอีกแล้ว ขณะนั้นเอง หมาตัวหนึ่งแย่งไก่กินอาหาร ไก่กลัวหมามากจึงหนีเอาตัวรอดอย่างน่าอนาถ เจ้ากบก็คิด เป็นหมาดีกว่าดูเป็นวีรบุรุษดี ไม่อยากเป็นไก่แล้ว มีชายคนหนึ่งเห็นเข้าจึงเอาไม้ไล่ตีหมา จนหมาวิ่งหนีร้องลั่นไป เจ้ากบจึงคิดว่าทำไมเราไม่เกิดเป็นคนหนอ สามารถขับไล่หมาไปได้ จากนั้นเอง ชายผู้นี้ ก็มานั่งริมสระน้ำ แล้วเจ้าแมลงวันก็บินมาตอมจนชายผู้นั้นรำคาญ และลุกหนี พร้อมบ่นว่า "รำคาญแมลงวันจริงโว้ย" เจ้ากบได้ยินเสียงดังนั้น ก็นึกคิดว่าเกิดเป็นแมลงวันดีกว่านะ เพราะเก่งมากจนทำให้คนรำคาญได้ บังเอิญแมลงวันบินมาเกาะที่จมูก มันจึงแลบลิ้นแผลบกินแมลงวัน เจ้ากบจึงค้นพบสัจธรรมอันยิ่งใหญ่ ว่า เป็นอะไรก็ไม่ดีเท่าตัวเราเอง ความทุกข์จึงเกิดจากความไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ "เราแทบไม่คิดว่า เรามีอะไรบ้าง แต่เราคิดเพียงว่า เราขาดอะไรบ้างเท่านั้น"


ฉันเป็นกบ อบ...อบ ในกะลา
ภูมิใจว่าตัวเองช่างยิ่งใหญ่
มาวันหนึ่งแล้วกะลาก็พลิกไป
ความภูมิใจสลายลงในพลิบตา
จากที่เคยคิดว่าตัวช่างยิ่งใหญ่
หลงภูมิใจอย่างโง่เขลาเบาปัญญา
แท้ที่จริงโลกนี้กว้างยิ่งกว่า
ทั่วโลกาหาใครใหญ่จริงไม่

ขอขอบคุณที่มา : ธรรมะดิลิเวอร์รี่

--------------------------------------------------------------------------------

ย้อนมามองเรื่องราวของคุณครูกันบ้าง สิ่งที่คุณครูทุกคนไขว่คว้า อยากจะเป็น อยากจะได้ ไม่เหมือนกัน ครูบางท่าน เห็นว่าการเป็นคนขายสินค้าแบบธุรกิจขายตรงดี ก็อยากจะทำ บางท่านก็ว่า ออกไปเป็นนักการเมืองดี ก็อยากจะทำ บางท่านว่า การได้เป็นผู้แทนครูในองค์กรต่างๆ ดี ก็อยากจะทำ บางท่านว่า การได้วิทยฐานะเป็น คศ.3 คศ.4 ดี ก็อยากจะทำ มุ่งมั่นทำในสิ่งๆ นั้นอย่างเต็มที่ บางท่านไม่ลืมหูลืมตา บางท่านเสียเวลาที่เคยมีให้ครอบครัว บางท่านเสียเงินทองมากมายมหาศาล โดยที่ท่านคงจะลืมไปว่า คำว่า "ครู" มีความหมายและหน้าที่อย่างไร จากเรื่องกบข้างบนที่หยิบมาให้อ่านนั้น เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง ที่อาจจะพอช่วยเตือนสติ "ครู" ให้หันมามองสิ่งที่ท่านกำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน ว่า

"ตัวท่าน มีความหมายมากมายเพียงใด สำหรับเด็กนักเรียนตาดำๆ ในโรงเรียน"



แค่อยากให้ท่านอย่าลืมตัวตนของคนเป็น "ครู"....แค่นั้นเอง

22 มี.ค. 2551

suthat jaijangreed

Click to play
Create your own slideshow - Powered by Smilebox
Make a slideshow - it's easy!

ลดบางสิ่ง ทำให้คุณได้บางอย่างมากขึ้น


ลดบางสิ่ง ทำให้คุณได้บางอย่างมากขึ้น
ลดบางอย่าง เพื่อ เพิ่มบางสิ่ง"

หากลดบางอย่างให้น้อยลง คุณจะได้บางสิ่งมากขึ้น

ลดความโกรธให้น้อยลง คุณจะได้สติกลับมามากขึ้น


ลดค่าใช้จ่ายให้น้อยลง คุณจะได้เงินเก็บมากขึ้น

ลดความคิดที่จะหาคนที่ถูกน้อยลง คุณจะได้คำตอบสำหรับทำเรื่องที่ถูกต้องมากขึ้น


ลดการพูดให้น้อยลง คุณจะได้ทำหลายอย่างได้มากขึ้น

คิดถึงคนที่คุณรักให้น้อยลง คุณเข้าใจคนที่คุณรักมากขึ้น

รักตัวเองให้น้อยลง คนอื่นรักคุณมากขึ้น

พูดให้ร้ายคนอื่นให้น้อยลง มีคนพูดถึงคุณในแง่ดีมากขึ้น

แสดงความฉลาดให้น้อยลง คุณได้ความรู้เพิ่มมากขึ้น

ออกนอกบ้านให้น้อยลง คุณได้ความอบอุ่นในครอบครัวมากขึ้น

นอนให้น้อยลง คุณทำหลายอย่างได้มากขึ้น

คิดเรื่องเครียดให้น้อยลง คุณยิ้มได้มากขึ้น

ลดความอายให้น้อยลง คุณได้ความกล้ามากขึ้น

ดูละครให้น้อยลง คุณอ่านหนังสือได้มากขึ้น

คุณวิ่งให้ช้าลง คุณมองเห็นคนข้างหลังมากขึ้น


เชื่อให้น้อยลง คุณมองเห็นอะไรได้มากขึ้น

ลดทิฐิให้น้อยลง คุณรู้จักอภัยมากขึ้น

กระโดดให้น้อยลง คุณเดินได้มั่นคงมากขึ้น

กินให้น้อยลง คุณอิ่มได้มากขึ้น

ก้มหน้าให้น้อยลง คุณมองเห็นได้ไกลขึ้น

พักเหนื่อยให้น้อยลง คุณรู้จักความสบายมากขึ้น

เห็นแก่ตัวให้น้อยลง มีคนรอดชีวิตมากขึ้น

แบกของหนักให้น้อยลง ชีวิตคุณเบามากขึ้น

ทะเลาะกับเด็กให้น้อยลง คุณโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

ทะเลาะกับผู้ใหญ่ให้น้อยลง คุณได้รับการเอ็นดูมากขึ้น

เป่าลมออกให้น้อยลง คุณสูดลมเข้าได้มากขึ้น

แอบฟังให้น้อยลง คุณได้ยินอะไรมากขึ้น

คุณคิดคำถามให้น้อยลง คุณเห็นคำตอบมากขึ้น


...........แล้วคุณลดอะไรไปบ้างแล้ว............

3 สิ่งดีดีจากใจ.



3 สิ่งที่ควรมีในชีวิตเราคือ
Three undeniable things in your life are. . .

Serenity... //ความสงบ
Honesty... // ความซื่อสัตย์
and Hope.. // ความหวัง

18 มี.ค. 2551

คติธรรม



เชื่อยาก สอนง่าย ไปไหนปากอย่าไว

ใจอย่าเบา เรื่องเก่าอย่ารื้อฟื้น

เรื่องคนอื่นอย่าเอามาคิด อย่าจับให้มั่นคั้นให้ตาย จะผิดหวังเสียใจตลอดชีวิต




Click to play
Create your own free ecard - Powered by Smilebox
Make a free ecard - it's easy!

12 มี.ค. 2551

เก๊กหล่อ ที่ ชลบุรี








พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง

โททนต์ เสน่งห์คง สำคัญหมาย ในกายมี

นรชาติ ที่วางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์

สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา

11 มี.ค. 2551

เพื่อลูก


พ่อแม่ไม่มี เงินทอง จะกองให้

จงตั้งใจ พากเพียร เรียนหนังสือ

หาวิชา ความรู้ เป็นคู่มือ

เพื่อยึดถือ เป็นเยี่ยง หล่อเลี้ยงกาย

พ่อกับแม่ มีแต่ จะแก่เฒ่า

จะเลี้ยงเจ้า เรื่อยไป นั้นอย่าหมาย

ใช้วิชา ช่วยตน ไปจนตาย

เจ้าสบาย แม่กับพ่อ ก็พอใจ"

10 มี.ค. 2551

พ่อสอนลูก...เรื่องการคบเพื่อน



คนเราเกิดมาไม่มีใครสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ แต่ต่างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันทั้งนั้น ยิ่งเรารู้จักคนมากเท่าใดก็ยิ่งเป็นคนกว้างขวางและจะเป็นประโยชน์แก่ตัวเราเองมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ความสำเร็จทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทางราชการ ทางการค้า หรือในกิจการส่วนตัว ล้วนขึ้นอยู่กับความกว้างขวางของตัวเราเป็นสำคัญ ฉะนั้นการมีเพื่อนจึงเป็นของจำเป็นที่สุด เราต้องพยายามรู้จักคนให้มากที่สุด เท่าที่จะมากไ้ด้โดยไม่ต้องเลือกว่าใครเป็นใคร แต่ว่าการคบเพื่อนนั้นย่อมมีทั้งคุณและโทษ ฉะนั้นจึงต้องระวังให้มาก

คำว่าเพื่่อนนี้เป็นคำกว้าง เพียงรู้จักชื่่อเสียงพูดจากันก็เรียกว่าเพื่อน รู้จักคุ้นเคยกันก็เรียกว่าเพื่อน นักเรียนร่วมโรงเรียนเดียวกันก็เรียกว่าเพื่อน คนทำงานอยู่ด้วยกันก็เรียกว่าเพื่อน หรือถ้าตะพูดไปแล้ว คนที่รู้จักกันก็มักจะเรียกว่าเพื่อนทั้งนั้น แต่เพื่อให้เข้าใจดีขึ้น พ่อจะขอจำแนกเพื่อนออกเป็น ๓ พวก ดังต่อไปนี้

๑. เพื่อนประเภทที่หนึ่ง ได้แก่ คนรู้จักกัน
๒. เพื่อนประเภทที่สอง ได้แก่ เพื่อนเล่น
๓. เพื่อนประเภทที่สาม ได้แก่ เพื่อนแท้ (หรือมิตร)

๑. เพื่อนประเภทที่หนึ่ง ( คนรู้จักกัน)

คนที่เพียงแต่รู้จักกันนั้นไม่ควรเรียกว่าเพื่อน แต่ถึงจะเรียกก็ไม่เสียหายอะไร เช่น เราพบหน้ากันทุก ๆ วัน จนรู้จักพูดคุยกันเราก็เรียกว่าเพื่อน (เช่นพบกันบนรถประัจำทางหรือในเวลาเดินทางไปโรงเรียนหรือไปทำงาน เช่นนี้ก็เรียกว่าเพื่อน คือเพื่อนร่วมทาง) หรือเวลามีคนแนะนำให้เรารู้จักกับใครคนหนึ่งเราก็พูดคุยกับเขาและในโอกาสต่อมาเมื่อเราพบเขาอีกก็ทักทายกัน เช่นนี้ก็เรียกว่าเพื่อน เพื่อนประเภทนี้เรารู้จักแต่หน้า หรืออาจรู้จักชื่อเสียงและบ้านช่องของเขาก็ได้ แต่เราไม่รู้จักนิสัยใจคอ ยังไม่รู้ประวัติตลอดจนความเป็นอยู่ของเขา เขาอาจเป็นคนดีที่ควรคบ หรืออทจเป็นคนเลวที่ไม่ควรคบก็ได้ ฉะนั้นทางที่ดีแล้วจงอย่าคบเพื่อนประืเภทนี้ให้ใหล้ชิดนัก แต่ให้คบไว้้เพียงฐานะคนรู้จักกันเท่านั้นก่อน เมื่อเราพบปะเพื่อนประเภทนี้เข้าก็ควรทักทายปราศรัยกันพอสมควรตามมารยาทที่ดี และตามลักษณะและชนิดของบุคล ต่อนานไปเมื่อเรารู้จักเข้าดีขึ้นได้เห็นนิสัยใจคอของเขา รู้ประวัติและความเป็นอยู่ของเขาดี และเห็นว่าเขาเป็นคนไม่มีความเสียหายอะไรแล้ว เราจึงค่อยคบเขาเป็นเพื่อนประเภทที่สอง (คือเพื่อนเล่น) และต่อไปถ้าเห็นเขาเป็นคนดีจริง ๆ ทีคนนิยมรักใคร่นับถือเขา และเป็นที่ถูกอัธยาศัยของเราแล้ว ก็อาจคบเขาเป็นเืพื่อนประเภททที่สาม (คือเพื่อนแท้หรือมิตรแท้)

คนรู้จักกัน (คือเพื่อนประเภทที่หนึ่ง) นี้ อาจมีเป็นจำนวนมาก และเราก็ควรรู้จักไว้ให้มาก ๆ ด้วย โดยไม่ต้องเลือกว่าผู้นั้นจะเป็นใคร ชั้นวรรณะใด จะเป็นคนยากดีมีจน หรือจะเป็นคนชาติใด ถาษาใด แม้จะเป็นคนเลว (เช่น พวกเกะกะเกเรเป็นพาาลสันดานชั่ว หรือจะเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อยก็ตาม) เพราะถ้าเรารู้จักเขาและทำตัวให้เขาเคารพนับถือแล้ว เราก็จะไม่มีศัตรู ในบางโอกาสและบางกรณีเรายังอาจช่วยหรือเป็นหูเป็นตาให้เราก็ได้ ฉะนั้นพ่อจึงกล้าพูดว่า การคบคนนั้นเป็นประโยชน์แก่ตัวเราทั้งนั้น แต่ข้อสำคัญเราจะต้องรู้จักประมาณตน กล่าวคือ แม้จะเป็นเพียงคนรู้จักก็ตาม แต่เราก็ต้องรู้ว่าใครที่เราควรพูดคุยด้วยอย่างไรและมากน้อยแค่เพียงใ่ด ตามชนิดของบุคคล

๒. เพื่อนประเภทที่สอง ( เพื่อนเล่น)

เพื่่อนประเภทนี้อาจมีมากด้วยกัน คือมาจากเืพื่อนประเภทที่หนึ่งบ้าง เคยเป็นนักเรียนร่วมชั้นหรือร่วมโรงเรียนกันมาบ้าง เคยอยู่ด้วยกันมาบ้าง เคยเล่นมาด้วยกันบ้าง (เช่นเพื่อนในโรงเรียนกินนอน) ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น เมื่อเราเห็นว่าเขาเป็นคนดีพอสมควร ไม่ถึงกับเสียหายอะไร และไม่เป็นที่รังเกียจของสังคมแล้ว แม้เขาจะมีอะไรบกพร่องอยู่บ้าง เราก็อาจคบเขาไว้เป็นเพื่อนเล่น คือเล่นด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน และกินด้วยกันเป็นครั้งคราวได้

เพื่อนประเภทนี้เราจะต้องรู้จักนิสัยใจคอและความเป็นอยู่ของเราดีพอสมควร แม้เราจะเคยกินด้วยกัน นอนด้วยกัน เล่นด้วยกันมา เช่นเพื่่อนนักเรียนกินนินก็ตาม แต่ถ้าเราเห็นว่าเขาเป็นคนเลวและไม่ค่อยมีคนดี ๆ เขาคบค้าสมาคมด้วยแล้ว เราก็ควรตีตัวออกห่าง ให้คบเขาไว้เพียงคนรู้จักอย่างเพื่อนประเภทที่หนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าเราเห็นว่าเขาเป็นคนดีจริง มีคนนิยมรักใคร่เขามากและเป็นที่ถูกอัธยาศัยของเราแล้ว เราก็อาจคบเขาเป็นเพื่อนแท้ได้

แม้เราจะคบใครไว้เป็นเพื่อนเล่นก็ตาม แต่เราก็ควรจำกัดขีดขั้นบุคคลว่าควรจะเล่นด้วยกันเที่ยวด้วยกัน กินด้วยกัน มากน้อยและใกล้ชิดแค่ใหน ตามลักษณะและความดีเลวของบุคคล

๓. เพื่อนประเภทที่สาม ( เพื่อนแท้ หรือมิตร)

เพื่อนประเภทนี้หาได้ยากมาก บางทีในชีวิตของคนเราอาจไม่มีเลย หรือมีเพียงคนสองคนเท่านั้นก็ได้ และเพื่อนประเภทนี้ก็ต้องมาจากเพื่่อนประเภทที่หนึ่งและที่สอง ตามลำดับ คือกว่าเราจะคบใครเป็นเพื่อนแท้ได้นั้นเราจะต้องรู้จักกับเขามาเป็นเวลาแรมปี เพราะเราจะต้องรู้จักอุปนิสัยอันแท้จริงของเขาอาจเคยตกทุกข์ได้ยากมาด้วยกัน เคยเห็นอกเห็นใจกันมา และโดยมากคนเราจะมีเพื่อนประเภทนี้ได้ก็ต่อเมื่อเป็นผู้ใหญ่ และได้คบกันมาแล้วนานปี

5 มี.ค. 2551

สิ่งสำคัญ.3



คนเรามีเส้นทางที่เดินไปสูความพึงพอใจ

และความสุขที่ต่างกัน

การที่พวกเขาไม่ได้เดินไปทางเดียวกับคุณ

ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเดินหลงทาง

3 มี.ค. 2551

สิ่งสำคัญ2


ผมมักบอกลูกๆเสมอว่า

เป็นอะไร...ไม่สำคัญเท่าเป็นสุข

และได้ทำในสิ่งที่ตนรัก

ทำประโยชน์ให้สังคมสักนิดหนึ่งก็ยังดี

ให้ตัวเองมีค่า....แต่ไม่ต้องยิ่งใหญ่

แค่นี้ก็พอแล้ว

สิ่งสำคัญ 1


เรื่องสำคัญที่ผมมักบอกกับลูกๆเสมอ
คือ อย่าประมาท...
ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ...อย่ายอมสูญเสียความสุข
วิธีทำให้คนอื่นรัก...ง่ายมาก
คือ รีบรักคนอื่นเสียก่อน
อย่าพูดถึงใครในแง่ร้าย
ถ้าอยากสวย...ยิ้ม !
...สำคัญคือ ผมจะสอนในสิ่งที่ผมสามารถทำได้
โดยให้เขาเห็นตัวอย่าง จากการปฏิบัติของผม
เช่น ไม่โกหก ไม่ลักขโมย
....เมื่อเขาเห็น เขาก็จะทำอย่างเราเอง....

25 ก.พ. 2551

เที่ยวเวียตนาม












เข้าลาวสะหวันนาเขตเข้านมัสการ.พระธาตุอิงฮัง, ก่อนเข้าเมืองเว้เข้าชมอุโมงค์ใต้ดิน “วินห์มอค” มีถึง
5 ชั้น เข้า-ออกได้ 19 ทาง,ชมสะพาน ตรังเทียน ( Trang Tien )} สะพานสารพัดสี, พระราชวังโบราณ ( Citadel
), ล่องเรือบนแม่น้ำหอมอันลือชื่อ ชมเจดีย์ เทียนหมุ ( Thien Mu Pagoda ),
ชมสุสานกษัตริย์โบราณอันได้แก่ ตือดึ๊ก ( Tu Duc ) และ ไคดิ่นห์ ( Khai Dinh ),
ช๊อบปิ้งซื้อสินค้าราคาถูกที่ตลาดดองบา

ฮอยอัน...เมืองมรดกโลกท่องราตรีกับเมืองที่แสนจะคลาสสิคจริง ๆ ชม สะพานญี่ปุ่นอายุกว่า 300 ปี,
มีบ้านเก่าแก่โบราณมากมาย, ร้านขายของต่างๆ, โคมไฟสวยงาม, เดินเล่นแถวท่าเรือริมแม่น้ำทูโบน,
เที่ยวชายทะเลฮอยอัน,ภูเขาหินอ่อน,

ดานัง...ชมเมืองริมทะเลที่ยาวสุดลูกหูลุกตา ผ่านอุโมงค์ไฮวานที่เจาะทะลุภูเขาใข้เวลาขุด 4 ปี
ระยะทาง 6 กม ชมการค้าและวิถีชีวิต, ผ่านสะพานแขวนที่สวยงาม,
เข้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่สุดของดานัง, ชมพิพิธภัณท์จาม
ขอมยุคโบราณ,
ขมมังกรยักษ์ที่ทำจากชามกระเบื้องที่สวนสาธาณณะ ของดานัง

23 ก.พ. 2551

บททดสอบความรัก





ความรักออกแบบไม่ได้ ความรักเป็นแบบไหน

มาทดสอบความรักดู คุณกับเขารักกันที่ลิมิตประมาณใด

พิมพ์ชื่อคุณ ชื่อเธอแล้วกดเทสเล้ยย

19 ก.พ. 2551

ภาพจากต่างแดน






















l

ลองอ่านเล่นๆก่อนไปเวียดนาม

คุณชื่ออะไร....(อัน/แอม)เตินหยี่-
ฉันชื่อ ...(อัน/แอม)เติน...-
ยินดีที่ได้รู้จัก....วุยล้ำกับ(อัน/แอม)
<- แล้วพบกันใหม่...เหิ่นกับหล่าย-
ใช่, ไม่ใช่...ฝาย,คอมฝาย-
ไม่เป็นไร...คอมซาว-
นั่นอะไร...เกียหล่าไก๊หยี่-
ไปทางไหน...ดีเดา-
เมื่อไหร่...คีหน่าว/ลุกหน่าว-
ราคาเท่าไหร่...บาวยิว-
พูดภาษาเวียดนามได้นิดหน่อย...น้อยติ๊งเวีียด จุ๊บซิ้
ว- อันนี้ภาษาเวียดนามเรียกว่าอะไร...ก๊าย หนน่าย หล่า ก๊าย หยี่
- ขอดูห้องได้ไหม (จะใช้ตอนเช่าห้องพัก)...ไไท๊ ฟ่อม ตรึ๊ก เดิก คอม-
คืนละเท่าไหร่...หมก เดม บาว ยิว-
ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมได้มั้ย...กุ๋ย ห่าาง ลี้ อ๋อ คัด แฉง เดิก คอม-
ต้องการเช็คเอาท์...เติ๊น เตี่ยง-
ช่วยเรียกแท๊กซี่ให้ด้วย...ยึ๊บ โตย ก่อย แท๊กซี่ แน-
ไป ...... เท่าไหร่ ///ดี...บาวยิวเตี่ยง
<- ค่ารถเท่าไหร่....จ๋า บาว ยิว-
จอดตรงนี้...หยึ่ง หล่าย ได-
ราคาเท่าไหร่...บาวยิว-
แพงเกินไป....ดั๊ก กว๊า-
ลดได้มั้ย...เหยียม หย้า เดิก คอม?-
จะแลกเงินได้ที่ไหน...โด๋ย เตี่ยง อ๋อ เดาา-
ไปรษณีย์อยู่ที่ไหน...บุย เดี่ยง อ๋อ เดา
<- ชั่วโมงละเท่าไหร่...หมด ติ๊ง บาว ยิว เตีี่ยง-
หิวข้าว, หิวน้ำ....เดา บุ๋ม,คัด นึก
ร้านอาหาร...เตี่ยม อัง-
ไม่ใส่ผงชูรส...คอม เทม หมี่ จิ้น-
จาน, ชาม...ไก๊ เดี๋ย,ไก บั๊ด(โตว)-
เก็บตังค์ด้วย..เติ้น เตี่ยง-
คุณอายุเท่าไหร่..บาว ยิว โต๋ย-
ฉันอายุ ... ปี...แอม ....โต๋ย หร่อย-
ขอที่อยู่คุณได้มั้ย...จอ เดี่ย จี๋ แอม เเดิก คอม-
อีเมล์... อี เมล-
แผนที่...บ๋าง ด่อ-
เงิน..เตี่ยง-
5,000 ด่อง...นำ หง่าน(แหง่ง) ดอง-
10,000 ด่อง...เหม่ย หง่าน(แหง่ง) ดอง> -
15,000 ด่อง...เหม่ย ลำ หง่าน(แหง่ง) ดอง<


Chưa...Em độc thân อ่านว่า เจือ แอม ดอบ ทัน แปลว่า ยัง...น้องยังเป็นโสด
Chúc em ngủ ngon อ่านว่า จุ๊ก แอม โหงว งอน แปลว่า หลับฝันดีนะน้อง


"จ่าว บั๊ก จ่าว โก=สวัสดีคุณลุง สวัสดีคุณป้า"
"จุ๊ก หมึ่ง นำ เม้ย=สวัสดีปีใหม่"
"หั่น ฟุก วุย แหว๋=ขอให้มีความสุข"
"ซุก แคว๋ หงิ่ว ล้ำ=สุขภาพแข็งแรง"
"Hóa đơn đỏ "อ่านว่า ฮว้า เดิง ด๋อ คือใบเสร็จรับเงินพร้อมใบกำกับภาษีของเวียตนาม หรือว่า VAT นั่นเอง
"Phòng vệ sinh Nam Nữ "อ่านว่า ฟ่อม เหว่ซิน นำ นื๋อ แปลว่า ห้องน้ำ ชาย หญิง
"Bảo vệ "อ่านว่า บ๋าวแว๋ แปลว่า "เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
-ก๋ำเอิง หยิ่ว ล้ำ=ขอบคุณมากๆ-
ก๋ำเอิง แอม ยา=ขอบใจน้องนะ-
ก๋ำเอิง จู๊=ขอบคุณครับ ลูกพี่-
ก๋ำเอิง รัด หยิ่ว=ขอบคุณอย่างยิ่ง-
ซิน ก๋ำเอิง จ่าว กุ๋ย หวี่ คัก บ่าง=ขอขอบคุณ สวัสดี ต้อนรับ สหายทุกท่าน

ยิ้มอย่างอ่อนโยน

การยิ้มอย่างอ่อนโยนเป็นอีกหนึ่งวิธีการ ที่จะทำให้วิถีชีวิตของเราผ่อนคลายขึ้น เวลาที่เรายิ้ม เราจะเห็นว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าของเราก็ผ่อนคลายด้วย จิตใจของเราในขณะที่เราเบิกบาน เราจะเห็นว่านั่นเป็นแหล่งพลังงานของการยิ้มที่ไม่ได้เสแสร้ง การผึกที่จะกลับมาดำรงชีวิตอย่างคนที่อ่อนโยนและผ่อนคลาย ไปกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนนั้นจะทำให้คนอื่นมีความสุขด้วย


รู้จักตัวเองให้มากขึ้น

เมื่อเรารู้จักตัวเองมากขึ้น เราก็จะเชื่อมั่นตัวเองมากขึ้น ความเชื่อมั่นที่มาจากการบังคับตัวเองที่ว่านี้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างยิ่งเลย ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนเราก็สามารถควบคุมตัวเองได้ความเชื่อมั่นก็จะมากขึ้น การรู้จักตัวเองอย่างนี้จะทำไห้เราสามารถยกมือไห้วตัวเองได้ เพราะจะไม่มีขณะไดเลยที่เรากระทำความผิด ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังเราจะรู้สึกละอายถ้าเรากำลังทำสิ่งใดก็ตามที่ทำให้ใจของเราขุ่นมัวความคิดสำคัญมาก ถ้าเราคิดผิดใจของเราก็ขุ่นมัว เมื่อใจของเราขุ่นมัว ใจของเราก็จะกล่าวร้าย การกระทำของเราก็จะรุนแรงท่านจะเห็นว่ากระบวนการของการทำงานชีวิตนั้น ถ้าเรามีสติปัญญาอยู่ตรอดเวลา การใช้ชีวิตของเราก็จะไม่ลังเลสงสัยแม้แต่นิดเดียว แต่ย่างก้าวของเราความเชื่อมั่นอย่างนี้จะมีอยู่ในชีวิตของท่านได้ ถ้าท่าน ฝึกฝนที่จะมีลมหายใจอย่างคนที่รู้ตื่นและเบิกบาน เรื่องของลมหายใจเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าเราใช้สิ่งนี้เป็นอาวุธที่ศักดิ์สิทธิ์ในการที่จะเจริญสติปัญญาของเราให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ เราจะรู้ว่าชีวิตของเราเกิดมาศักยภาพของเราสูงสุดคือพ้นทุกข์ได้ นั่นคือศักยภาพของมนุษย์คนหนึ่ง ท่านจงรักษาโอกาสของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วไปให้ถึงที่สุดแห่งการพ้นทุกข์ ไม่ว่าขณะใดก็ตาม ความคิดใดก็ตาม ทุก ๆ การกระทำอย่าให้ชีวิตของเราไม่เบิกบาน ออกจากความคับข้องใจ รู้ตื่นและเบิกบานกับลมหายใจอย่างมีสติ ชีวิตท่านจะร่าเริง มีความเชื่อมั่น

ความซื่อสัตย์















ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง เด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้นในตนเอง เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมีประโยชน์ และมีชีวิตที่สะอาด ที่เจริญมั่นคง

บรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ปี พุทธศักราช 2531


คุณสมบัติอย่างหนึ่งที่เป็นรากฐานสำคัญของชีวิตในทุกบทบาทคือ ความซื่อสัตย์
ความซื่อสัตย์เป็นฐานที่สำคัญของการใช้ชีวิตให้มีค่า

9 ก.พ. 2551

เที่ยวต่างแดน

สิงคโปร์เป็นเมืองที่ไม่หยุดนิ่งและอุดมไปด้วยความแตกต่างและสีสัน คุณจะพบกับความผสมผสานอย่างกลมกลืนของวัฒนธรรม อาหาร ศิลปะ และสถาปัตยกรรมได้ที่นี่ เกาะแห่งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ถูกปลดปล่อย เป็นเสมือนกลจักรขนาดจิ๋วของเอเชียอาคเนย์ที่รวมเอาสิ่งที่ดีที่สุดของโลกตะวันตกและตะวันออกเอาไว้ด้วยกัน ซึ่งจะมีแหล่งท่องเที่ยวในย่านต่างๆ



ทำดีเพื่อความดี


นานมาแล้ว เมื่อตายังหนุ่มแน่นแข็งแรงและเป็นโสด ตาได้เที่ยวซอกแซก ไปตามตรอกเล็กซอยน้อยในพระนครจนทั่ว คืนวันหนึ่ง ขณะที่ตากำลังเดินอยู่ในตรอกแคบ ๆ แห่งหนึ่ง แถวรองเมือง เท้าของตาได้สะดุดเข้ากับสิ่งนั้นมีลักษณะนิ่ม ๆ คล้ายเนื้อหนังมนุษย์
ด้วยความสงสัยใคร่จะรู้ความจริง ตาจึงก้มลงพิจารณาอย่างใกล้ชิดในที่สุดก็ทราบความจริงว่า สิ่งนั้น คือชายคนหนึ่งกำลังนอนสลบไสลคลุกฝุ่นอยู่กลางถนนในซอย เพราะความมึนเมา กิ่นสุราฟุ้งตลบไปหมด ตาหยุดยืนอยู่ครู่หนึ่งว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าจะเดินเลยไปเสียก็คงได้อย่างสบาย แต่อีกใจหนึ่งคิดว่า "ถ้าปล่อยให้เขานอนอยู่ที่นั่นเขาอาจจะถูกคนอื่นเดินมาเตะถีบหรือชนเอา เพราะมองไม่เห็น เขาอาจได้รับอันตราย บางทีสัตว์ร้ายเช่นงูหรือตะขาบมันอาจจะมากันมาต่อยเอาก็ได้ ยิ่งกว่านั้น ภรรยาและบุตรของเขาที่อยู่ทางบ้านอาจจะกำลังตั้งตาคอย คิดไปคิดมาความเมตตากรุณาก็เป็นฝ่ายชนะ ตาก้มลงอุ้มชายขี้เมาคนนั้นขึ้นแบกบนบ่า แล้วก็เดินไปยังห้องแถวใกล้ ๆ ที่มีไฟสว่างวอมแวมออกมา ตาโผล่หน้าเข้าไปที่ประตูแล้ว ถามเจ้าของบ้านว่า รู้จักชายคนนี้หรือเปล่า เจ้าของบ้านหัวเราะแล้วบอกว่าชายคนนั้นคือตาแฉ่งจนทราบแน่นอนแล้ว ก็แบกเขาเดินต่อไปด้วยความลำบากอย่างยิ่ง หลังจากเดินล้มลุกคลุกคลานมาเป็เวลาเกือบ ๑๕ นาทีตามาถึงห้องแถวที่เป็นบ้านของตาแฉ่ง ตาวางเขาลงนอนไว้ที่พื้นซีเมนต์หน้าห้องแถวแล้วก็เอามีอเคาะที่ประตู เมื่อประตูถูกเปิดออก หญิงอายุกลางคน ๆ หนึ่งก็เปิดประตูผลั๊วะออกมา นางจ้องดูหน้าของตาแล้วก็ก้มลงนอนตาแฉ่งซึ่งนอนคุดคู้แทบเท้าด้วย สายตาแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่ง ขณะที่ตากำลังจะเอ่ยปากรายงานเรื่องราวให้นางทราบนั่นเองนางก็เองนางก็เอามือชี้หน้าแล้วก็พูดขึ้นว่า "นี่เองคือคนที่พาผัวของข้าไปกินเหล้าเมาหยำเปทุกวัน ข้าจับได้แล้ว" ก่อนที่ตาจะได้อธิบายความจริงให้นางฟัง หญิงคนนั้นก็คว้าไม้คานที่วางอยู่ข้าง ๆ ฝามาประเคนลงไปบนศีรษะของตาอย่างแรงดีแต่ว่าตายกมือทั้งสองขั้นรับไว้ทัน ศีรษะจึงไม่แตกเลือดไหลโทรม ขณะที่นางเงื้อไม้คานขึ้นจะกระหน่ำตีตาอีกเป็นครั้งที่สอง ตาก็ถอยหลังออกไปพ้นรัศมีไม้คานเสียก่อน หญิงผู้ใจร้ายเงื้อไม้คานเผ่นตามจะตีตาอีก ตาจึงจำเป็นต้องวิ่งหนีเพื่อความปลอดภัย ได้ยินแต่เสียงด่าแช่งชักหักกระดูกตามมาข้างหลัง ตาออกมานั่งลูบแขนที่บวมโนเพราะฤทธิ์ไม่คานที่ร้านกาแฟปากซอยพลางคิดอยู่ในใจว่า "เราอุตส่าห์แบกสามีไปส่งจนถึงบ้านด้วยความหวังดี แม้แต่คำว่า "ขอบใจ" คำเดียวก็ไม่ได้รับ ตรงกันข้ามกลับถูกด่าถูกตีจนเจ็บตัวทำดีไม่ได้ดีหนอ?" ตั้งแต่นั้นมาตาก็ไม่ได้ช่วยเหลือใครโดยไม่จำเป็น ตาเชื่อว่าทำดีไม่ได้ดี แน่ ๆ แต่ต่อมาภายหลังตาได้เล่าเรื่องนี้ให้พระองค์หนึ่งฟังท่านสอนตาว่า
ทำดีต้องได้ดีแน่ ๆ ความดีใด ๆ ที่เราทำแล้วจะอยู่ที่ตัวเราเองลาภยศสรรเสริญเป็นแต่เพียงผลพลอยได้จากหวังดี ไม่ใช่ตัวความดี บางทีเราอาจจะได้ แต่บางทีก็อาจจะไม่ได้ แต่ตัวความดีนั้นเราได้แน่ ๆ
ฉะนั้น จงทำความดีเพราะรักในความดี อย่าทำความดีเพื่อหวังผลตอบแทน ถ้าทำความดีเพื่อหวังผลตอบแทน ความดีที่เราทำจะไม่ใช่ความดีแท้ เปรียบเหมื่อนการให้ทานแก่คนอื่น ถ้าเราให้โดยหวังสิ่งหนึ่งตอบแทนการให้นั้นไม่จัดเป็นทานแต่เป็นการค้าเพื่อหวังผลกำไรไป
เมื่อได้ทราบความจริงเช่นนี้ ตาก็กลับทำความดีอีก คราวนี้ทำเพื่อความดีจริง ๆ ไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ บางครั้งตาก็ต้องเสียผลประโยชน์เพราะการทำความดี บางครั่งก็ถูกคนติฉินนินทาด่าว่าบางครั้งก็ประสบความลำบาก แต่ตาก็ยังทำความดีต่อมาจนกระทั่งบัดนี้

ความดี

อะไรคือความดี อะไรคือความชั่ว เรื่องความดีความชั่วจัดเป็นเรื่องยากเรื่องหนึ่ง ที่จะรู้และเข้าใจ เมื่อรู้และเข้าใจแล้วก็ยังยากที่จะปฏิบัติการเว้นความชั่ว ทำความดีให้สมบูรณ์ได้ ทั้งนี้เพราะมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำให้ปฏิบัติไม่ได้ สมความต้องการและปฏิบัติไม่ได้เสมอไป ตามหลักพุทธศาสนา ถือว่า การกระทำ คำพูดหรือความคิดที่เป็นไปเพื่อไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่นให้เดือดร้อนและมีประโยชน์ ถือว่าเป็นความดี ที่ตรงกันข้ามเป็นความชั่ว ที่กล่าวมานี้เป็นหลักกว้าง ๆ อาจมีข้อปลีกย่อยอื่น ๆ อีกที่จะต้องทำความเข้าใจพิเศษอีกมากมาย ในองค์ประกอบดังกล่าวข้างต้นนั้นถือเอาประโยชน์เป็นจุดยืนที่สำคัญ คือเมื่อพิจารณาเล็งถึงประโยชน์แล้ว แม้ตนเองจะต้องเดือดร้อนบ้าง ผู้อื่นเดือดร้อนบ้างก็ถือว่าเป็นความดี เช่น พ่อแม่ต้องเดือดร้อนเหนื่อยยากในการทำมาหาทรัพย์เพื่อให้ลูกได้ศึกษาเล่าเรียน ตัวลูกเองก็ต้องเดือดร้อน ทุกข์กายทุกข์ใจในการศึกษาเล่าเรียน ต้องอดทนอดออม ต้องหักใจไม่ให้หลงใหลเพลิดเพลินในการเที่ยวเล่น เอาเวลาเหล่านั้นมาศึกษาเล่าเรียน แต่การกระทำดังกล่าวนี้มีคุณประโยชน์ทั้งในปัจจุบันและอนาคตจึงเป็นความดี ในทางกลับกัน สิ่งที่ทำให้ตนเองและผู้อื่นมีความสุข ความเพลิดเพลิน แต่ไม่มีประโยชน์ กลับจะเป็นโทษทั้งแก่ตนและผู้อื่น เช่น การแสวงหาความสุขจากอบายมุขต่าง ๆ ถือว่าเป็นความชั่ว พิจารณาตามหลักที่สูงขึ้นไปสักหน่อย มาตรฐานแห่งความดี ความชั่ว ท่านถือเอา ความโลภ โกรธ หลง และไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง เป็นหลักพิจารณา คือกรรมใดที่ทำเพราะโลภ โกรธ หลง เป็นมูล จัดเป็นกรรมชั่ว ถ้าทำด้วยความไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง เป็นมูล คือทำด้วยเหตุผลบริสุทธิ์จัดเป็นกรรมดี โลภ โกรธ หลง เป็นอกุศลมูล รากเหง้าของอกุศล ความไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง เป็นกุศลมูล รากเหง้าของกุศล ท่านว่าเมื่อกุศลมูลเกิดขึ้นแล้ว กุศลอย่างอื่นที่ยังไม่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้น ที่เกิดแล้วก็เจริญยิ่งขึ้น ฝ่ายอกุศลมูลก็เช่นเดียวกัน

เสิงสาง

"เสิงสาง" แปลว่า "ใกล้รุ่ง หรือ รุ่งอรุณ" จากตำนานพื้นบ้านที่เล่าขานสืบต่อกันมาความว่า ท้าวประจิต เจ้าเมืองกัมพูชา และนางอรพิมพ์ ชายา ได้พลัดพรากจากกันระหว่างการเดินทางกลับบ้านเมือง และได้พบกันอีกครั้งที่หมู่บ้านแห่งนี้ ตอนฟ้าใกล้สาง จึงได้เรียกชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ว่า "บ้านเสิงสาง" ซึ่งต่อมาได้ตั้งเป็นชื่อตำบล อำเภอ มาจนถึงปัจจุบัน ตำบลเสิงสางเป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอเสิงสางมีทั้งหมด 16 หมู่บ้าน แบ่งการปกครองออกเป็น อบต. และเทศบาลตำบล และได้ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อวัน25 มีนาคม 2522

ฝันดี

Happy Birthday Comments

more Goodnight Comments..here